ตอนที่ 629 เอาตัวรอดจากความตาย

เฉินรันกำลังวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาทำได้ แต่อยู่ๆเขาก็เห็นเมฆสีแดงจากระยะไกล มันคือมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับลาที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้


เฉินรันหยุดวิ่ง แต่มอนสเตอร์ที่ขี่เมฆสีแดงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาแล้ว และโจมตีเขาด้วยความเร็วสูง


ผมยาวๆของเฉินรันตั้งขึ้น จากนั้นกระแสลมก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆตัวเขา เขากระโดดขึ้นไป 10 เมตรในอากาศเพื่อหลบการโจมตีที่เข้ามา เขาหมุนตัวในอากาศเหมือนกับนกพิราบ จากนั้นเขาก็เหยียบอากาศและกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง เขาไปลงตรงจุดที่อยู่ห่างจากศัตรู 10 เมตรและก็เริ่มวิ่งหนีต่อไป


สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่วินาที มันดูสมบูรณ์แบบมาก ความแข็งแกร่งของคนตระกูลเฉินไม่ธรรมดาเลย


มอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับลาไม่ได้หันกลับไปสนใจเฉินรัน มันหันมามองที่ควีนแทน จากนั้นเมฆสีแดงก็ปรากฏออกมาจากปากของมัน


ดวงตาของควีนมีเปลวไฟสีม่วงลุกโชติขึ้นมา ร่างกายของเธอห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง เธอพยายามหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับลา และรีบวิ่งหนีลงภูเขาต่อไป


เหมือนมอนสเตอร์ตัวนั้นจะเห็นควีนเป็นเป้าหมายของมัน มันจับตาดูเธอทุกการเคลื่อนไหว จากนั้นมันตามเธอไปโดยที่มันไม่ได้มองคนอื่นเลยแม้แต่น้อย


หานเซิ่นขมวดคิ้ว นี่มันเหมือนกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด หานเซิ่นไม่รู้ว่าควีนไปทำอะไรให้มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่พอใจ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะล็อคเป้าไปที่เธอแล้ว


เสียงกรีดร้องของเหยื่ออีกรายดังมาจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่ามีคนหัวขาดไปอีกรายหนึ่งแล้ว มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดทั้ง 2 ตัวต่างก็เล็งพวกเขาเป็นเป้าหมาย ความหวังที่จะรอดชีวิตเริ่มริบรี่ลงทุกที


แต่ทันใดนั้นอยู่ๆหานเซิ่นก็เห็นว่าควีนเปลี่ยนทิศทางการหนี ดูเหมือนเธอจะต้องการล่อมอนสเตอร์ที่เหมือนกับลาออกไปห่างๆจากคนอื่นๆที่เหลือ


หานเซิ่นต้องขอยอมรับในความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของเธอจากใจจริง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ต้องการปล่อยให้เธอไปคนเดียว หานเซิ่นเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางตามควีนไปด้วย


คนอื่นๆที่ตามหลังหานเซิ่นมาเลือกที่จะไม่ไปตามเขา พวกเขายังคงไปตามเส้นทางเดิม ซึ่งพวกเขาก็ยังคงถูกอีกาไล่ตามต่อไป


หานเซิ่นไม่สนใจพวกที่เหลือ ตอนนี้เขากำลังไล่ตามมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับลาขี่เมฆสีแดงด้วยความเร็วสูงสุด


ลาขี่เมฆสีแดงคือศัตรูที่น่ากลัวมากก็จริง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถมองเห็นการโจมตีของมัน มันต่างจากอีกาซึ่งเขามองไม่ออกเลยว่ามันจะโจมตียังไง หลังจากหานเซิ่นและควีนเลือกที่เผชิญหน้ากับลาขี่เมฆสีแดง ดูเหมือนอีกาจะไม่ตามพวกเขาอีกต่อไป การเปลี่ยนศัตรูที่น่ากลัวเป็นศัตรูที่น่ากลัวน้อยลง ทำให้หานเซิ่นและควีนมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น


ควีนสามารถตัดสินใจได้อย่างฉับพลันในสถานการณ์ที่วิกฤต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก ความสามารถนี้ถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด และมันไม่ใช่เรื่องที่สามารถฝึกฝนกันได้


ไม่นานพวกเขาก็ออกห่างจากกลุ่มของผู้ติดตามเฉินรัน หานเซิ่นรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง หลังจากที่เห็นอีกาหายลับตาไป ตอนนี้เหลือแค่หาทางรับมือกับลาขี่สีเมฆแดงนี่ให้ได้ก็พอ


ลาขี่เมฆสีแดงมีพลังที่ด้อยกว่าอีกาอย่างเห็นได้ชัด เขาสามารถคาดการณ์การโจมตีของมันล่วงหน้าได้ ซึ่งมันต่างจากอีกาที่มีความสามารถในการวาร์ปได้


ควีนใช้หมากล้อมสวรรค์เปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยขณะกำลังหนี เธอหลบการโจมตีของลาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงเธอจะไม่สามารถโต้กลับได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่น่าจะถูกมันฆ่าได้


ขณะที่หานเซิ่นกำลังไล่ตามไป เขาก็เห็นว่าเมฆที่ปกคลุมตัวลาอยู่นั้นได้รวมร่างเข้ากับลา ตอนนี้รูปร่างของมันเปลี่ยนไปดูเหมือนกับม้าที่มีเมฆห่อหุ้มเอาไว้ ทันใดนั้นมันก็กระโดดไปข้างหน้า 10 เมตรในพริบตา


การเพิ่มความเร็วอย่างฉับพลันของมันทำลายจังหวะหมากล้อมสวรรค์ของควีน ถึงเธอจะยังสามารถหลบการโจมตีของมันได้อยู่ แต่ระยะห่างแบบนั้นก็หมายความว่าสถานการณ์ดูแย่ลง


หานเซิ่นกระโดดขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นเขาก็เรียกหน้าไม้นกยูงเนตรมรณะออกมา และบรรจุลูกธนูโลหะzเข้าไป3 ดอก จากนั้นเขาก็ยิงลูกธนูทั้ง 3 ออกไปด้วยความเร็วสูง


ลูกธนูโลหะzทั้ง 3 เปลี่ยนสภาพเป็นแสงพุ่งเข้าใส่ลา หลังจากที่มันปะทะกับผิวหนังของลาลูกธนูก็ระเบิดทันที หานเซิ่นไม่ได้รอดูผลลัพธ์ของมัน เขารีบวิ่งต่อไปทันที


ลาส่งเสียงร้องออกมา หลังจากโดนลูกธนูทั้ง 3 เข้าไป แม้มันอาจจะไม่สามารถทะลุผิวหนังของมันเข้าไปได้ แต่อย่างน้อยๆมันก็ทรงพลังพอที่จะทำความเสียหายให้มันได้บ้าง


ลาขี่เมฆสีแดงพ่นอากาศออกจากจมูกด้วยความโกรธ มันเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หานเซิ่นแทน ด้วยความเร็วที่น่ากลัวของมัน แค่ 3 ก้าวมันก็มาถึงตัวหานเซิ่นแล้ว


ทักษะของหานเซิ่นไม่ได้ด้อยไปกว่าควีน แต่ก็ไม่ได้เหนือไปกว่าควีนมากนัก เขาหยุดวิ่งและรับมือกับลา


ด้วยเวลาที่หานเซิ่นสร้างขึ้นมา ควีนก็สามารถวิ่งหนีเพิ่มระยะห่างไปได้มากพอสมควร เธอหันกลับมาและก็ตะโกนไปที่ลา เมื่อมันได้ยินเสียงเธอ ตาของมันก็ลุกเป็นไฟ มันเปลี่ยนไปไล่ตามควีนทันที


ทั้งหานเซิ่นและควีนไม่มีใครที่สามารถเอาชนะลาตัวนี้ได้ แต่ถ้าทั้งคู่ช่วยกันเบนความสนใจของมันไปเรื่อยๆ ลาก็จะเริ่มสับสน ตอนนี้มันกำลังวิ่งไปวิ่งมาระหว่างหานเซิ่นและควีน ความโกรธของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นและควีนวิ่งหนีไปได้ไกลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่พวกเขายังไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว


ถึงพวกเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ยังสลัดการติดตามของมันไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ผิวหนังของมันแข็งมาก และการจะหนีมันโดยอาศัยความเร็วอย่างเดียวก็เป็นไปไม่ได้ด้วย


"เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถ้าอีกาฆ่าพวกที่เหลือเสร็จ และเลือกที่จะกลับมาไล่พวกเรา พวกเราคงรอดยาก!" หานเซิ่นตะโกนไปทางที่ควีนอยู่


"พวกเราไม่มีทางเลือก" ควีนตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไรออกมาเลย


"คุณจำโครงกระดูกมอนสเตอร์ได้ไหม ที่พวกเขาบอกว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนกล้าเข้าไปใกล้มันในรัศมี 1000 เมตร บางทีพวกเราน่าจะลองไปที่นั่นดู" หานเซิ่นแนะนำ


"ตกลง" ควีนตอบโดยไม่ลังเล


ถึงพวกเขาจะไม่แน่ใจว่ากระดูกนั่นจะสามารถไล่มอนสเตอร์ขั้นสุดยอดได้หรือไม่ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลองดู ตอนนี้ทางเลือกของพวกเขามีจำกัดมาก พวกเขาได้แต่หวังว่าจะไปถึงจุดหมายก่อนที่อีกาจะฆ่าคนอื่นได้หมดก่อน


ตอนนี้ลากำลังไล่ตามพวกเขาด้วยอารมณ์ที่โกรธจัด แต่แม้มันจะโกรธแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นและควีนได้เลยเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน


เนื่องจากพวกเขาเปลี่ยนเส้นทางในการลงเขา ทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาวิ่งวนไปวนมาอยู่นาน เพื่อหาจุดที่โครงกระดูกตั้งอยู่


ยังดีที่ลาส่งเสียงร้องและคำรามตลอดทาง ทำให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆไม่กล้าที่จะเข้ามากวนพวกเขาในขณะที่กำลังวิ่งหนี ซึ่งมันช่วยพวกเขาได้มาก


ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเขา ในตอนที่พวกเขามาถึงจุดที่มีโครงกระดูกอยู่ พวกเขาก็ยังไม่เห็นอีกาเลย แสดงว่ามันยังไล่พวกที่เหลือไม่เสร็จ



แต่เมื่อหานเซิ่นอยู่ในรัศมี 1000 เมตรจากโครงกระดูก ลาก็ยังไม่เลิกที่จะไล่ตามพวกเขา มันยังคงไล่ตามพวกเขาเหมือนเดิม ทำให้หานเซิ่นและควีนต้องขมวดคิ้ว


VIPถึงตอนที่ 1902 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

ตอนก่อนหน้า รวมตอน ตอนถัดไป
เวลาลงนิยายคือ 14.00-19.00 ของทุกวันครับ
ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/