ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ตอนที่ 596 ราชาแห่งทุ่งน้ำแข็ง
"วันนี้ฉันเห็นอะไรมาหลายอย่างเลย"
"เขาแข็งแกร่งเกินไป ขนาดเจอกับคนที่ปลดล็อคยีนขั้นแรกได้ หานเซิ่นกับเอาชนะเขาได้ง่ายๆ"
"ฉันอยากจะบ้าตาย หมาตัวน้อยนั่นเอาชนะคนที่ปลดล็อคยีนได้ ถ้านั่นเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของเขา แล้วตัวเขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?"
"มันเป็นหมางั้นหรอ? ฉันได้ยินว่ามันเป็นแมว"
"มันแข็งแกร่งมากไม่ว่ามันจะเป็นหมาหรือแมวก็ตาม หานเซิ่นไม่แม้แต่จะต้องขยับตัว เขาก็เอาชนะอสูรอัสนีได้"
"นี่มันบ้าไปแล้ว พวกนายไม่ได้อยู่ที่นั่นในวันนั้น พวกนายคงไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของชีซิวเหวินและผู้ติดตามเป็นยังไง เขามีผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 ถึง 40 คน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว พวกเขากลัวว่าถ้าทำอะไรให้หานเซิ่นไม่พอใจ พวกเขาก็จะมีจุดจบเหมือนกับอสูรอัสนี บางคนคันยังไม่กล้าเกาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะชีซิวเหวิน เขากลัวจนเกือบหัวใจวายตาย"
"ฉันก็อยากจะเป็นอย่างหานเซิ่นบ้าง เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ"
"เป็นหานเซิ่น? นายไม่มีค่าแม้แต่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาด้วยซ้ำ!"
"สัตวเลี้ยง? พวกนายคิดว่าตัวเองเทียบกับสัตว์เลี้ยงของเขาได้งั้นหรอ? สัตว์เลี้ยงตัวนั้นฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้"
"ไม่ว่ายังไงที่รู้ตอนนี้ก็คือ ทุ่งน้ำแข็งจะต้องอยู่ภายในอิทธิพลของหานเซิ่นอย่างแน่นอน"
"แน่นอนเขาคู่ควร ฉันกล้าพนันได้เลยไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เหมือนอย่างเขาอีกแล้ว ฉันไม่ได้พูดถึงแค่ในทุ่งน้ำแข็ง แต่เป็นทุกเมืองในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 คนคนนี้ไร้เทียมทาน"
"อายุปูนนี้ฉันก็เห็นอะไรมาเยอะแล้ว เมื่อก่อนมีพวกยอดฝีมือเก่งๆมากมาย แต่เมื่อมาเทียบกับหานเซิ่นตอนนี้แล้ว พวกเขากลายเป็นเด็กๆไปเลย"
...
หลังจากการต่อสู้ในเมืองสปิริตราชวงศ์จบลง ทุ่งน้ำแข็งก็มีการเปลี่ยนแปลง 3 ขั้วอำนาจที่ปกครองทุ่งน้ำแข็งก่อนหน้านี้ได้สลายตัวแล้ว หานเซิ่นยึดเมืองสปิริตราชวงศ์ ซึ่งเขาตั้งชื่อมันว่าเมืองเทพธิดา และก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรกับหลี่ชุงหลุนและฟิลิป กองกำลังที่เคยแบ่งเป็น 3 ฝ่าย ถูกแบ่งใหม่เป็น 4 กองกำลัง
หย่างม่านลี่คือหัวหน้าของกองกำลังเทพธิดา หลี่ชิงหลุนคือหัวหน้าของกองกำลังสตาร์วีล ฟิลิปคือหัวหน้าของกองกำลังฟิลิป และสุดท้ายชีซิวเหวินคือหัวหน้าของกองกำลังเเบล็คก็อต
หานเซิ่นคือผู้ครองเมืองเทพธิดา เขาไม่ค่อยพอใจกับตำแหน่งหัวหน้าเท่าไหร่ แม้กระนั้นทุกคนก็ยังถือว่าหานเซิ่นคือหัวหน้าใหญ่อยู่ดี
หานเซิ่นไม่ได้ฆ่าชีซิวเหวิน แม้คนคนนี้จะก่อเรื่องไว้เยอะก็ตาม เขายังต้องการคนเก่งๆที่อยู่ใต้อิทธิพลของชีซิวเหวิน หานเซิ่นไม่กลัวว่าในอนาคตเขาอาจจะคิดทรยศอีก
กองกำลัง 3 ฝ่ายที่ช่วยกันบุกยึดเมืองนั้น กองกำลังของเมืองเเบล็คก็อตได้ประโยชน์มากที่สุด แต่เป็นเพราะชีซิวเหวินคิดทรยศต่อคำสัญญา ผลประโยชน์เลยตกเป็นของหานเซิ่นหมด
ชีซิวเหวินไม่ได้อะไรเลยแม้แต่เนื้อสักชิ้น เขาไม่กล้าคาดหวังอะไร เขาน่าจะพอใจมากแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ถูกหานเซิ่นฆ่า ตอนนี้หานเซิ่นไม่ใช่คนที่ใจดีกับเขาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
หานเซิ่นมอบสิทธิพิเศษให้กับคนในกองกำลังเทพธิดามากมาย พวกเขาสามารถซื้อเนื้อได้ในราคาถูก ซึ่งหมายความว่ากองกำลังของเขาจะมีระดับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่นั้นข่าวเรื่องที่หานเซิ่นเอาชนะชีซิวเหวินได้ ทำให้คนจำนวนมากเดินทางมาสมัครเข้ากลุ่มเทพธิดา ในเวลาไม่นานกองกำลังของหานเซิ่นก็ใหญ่โตขึ้นผิดหูผิดตา แม้กำลังของเขาจะยังเล็กกว่าอีก 3 กองกำลังก็ตาม แต่ไม่นานกองกำลังเทพธิดาจะต้องแซงหน้าอีก 3 กองกำลังแน่
"กิน กินเข้าไป อย่าให้เหลือ เอาให้ท้องเธอระเบิดไปเลย" หานเซิ่นเตรียมเนื้อจำนวนมหาศาลให้กับอาร์ดเเองเจิล
ครั้งนี้หานเซิ่นได้ซากของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิมาถึง 4 ตัว พวกมันถูกชีซิวเหวินและอสูรอัสนีฆ่า แต่หานเซิ่นเป็นผู้ที่ได้รับเนื้อพวกมัน
น่าเสียดายที่มันใหญ่เกินไป หานเซิ่นแบ่งบางส่วนมาทำอาหารกินกับซีโร่ไปบ้างแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็ให้อาร์คเเองเจิลกินแทน เพื่อหวังให้เธอเปลี่ยนร่างไวๆ
ขนาดจิ้งจอกตัวน้อยยังมีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนั้น แล้วอาร์คเเองเจิลที่มีสถานะเป็นมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดของก็อตเเซงชัวรี่เขต 2 เหมือนกันจะทรงพลังขนาดไหน แถมเธอยังเป็นมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ ซึ่งเป็นประเภทที่แข็งแกร่งที่สุด เขารอคอยวันที่เธอจะช่วยเขาต่อสู้ได้
นอกเหนือจากเนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแล้วยังมีเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์อีกนับร้อย ไม่ต้องพูดถึงเนื้อมอนสเตอร์ระดับโบราณที่มีกองเป็นภูเขา
ไม่มีทางที่หานเซิ่นจะกินพวกมันได้หมด ดังนั้นเขาเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขายพวกมันไป ยังไงพวกเนื้อพวกนี้ก็เก็บไว้ได้ไม่นาน
หานเซิ่นเลือกเก็บไว้เฉพาะเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ขนาดเล็ก เขาประมาณดูคร่าวๆภายใน 1 เดือน จีโนพ้อยกลายพันธ์ของเขาน่าจะเต็ม
"น่าเสียดายที่เราไม่สามารถพาจิ้งจอกไปล่าด้วยได้ ไม่งั้นคงไม่ต้องห่วงเรื่องการเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว" หานเซิ่นลูบตัวจิ้งจอกที่นอนอยู่ในแขนของเขา
"หัวหน้า ฉันเอาบัญชีมาให้" หยางม่านลี่เตรียมบัญชีรายรับมาให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆ เธอก็ไม่สามารถละสายตาจากจิ้งจอกสีเงินได้
ในตอนนี้จิ้งจอกสีเงินค่อนข้างมีชื่อเสียงในทุ่งน้ำแข็ง มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถฆ่าคนที่ปลดล็อคยีนได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว มันยากที่จะจินตนาการว่ามอนสเตอร์ตัวเล็กแบบนี้จะมีพลังถึงขนาดนั้น
หยางม่านลี่เคยเห็นจิ้งจอกตัวนี้มาก่อน แต่เธอก็คิดว่ามันเป็นแค่สัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ปรกติหานเซิ่นจะเล่นกับมันบ่อยๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีพลังที่น่ากลัวแบบนั้น
หานเซิ่นตรวจดูบัญชี ช่วงนี้หานเซิ่นต้องฝึกการคำนวณตัวเลขเยอะๆ เพราะการที่เขาบริหารเมืองระดับราชวงศ์ รายได้ของเขาจะมหาศาลมาก
แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายกับหานเซิ่น เพราะความร่ำรวยและเงินทองไม่ใช่เป้าหมายของเขา ตอนนี้เขาต้องการพลังอำนาจมากกว่า
หลังจากหยางม่านลี่ออกไปแล้ว หานเซิ่นก็ยกขวดที่เก็บเม็ดยาเสริมสร้างยีนขึ้นมาดู ครั้งล่าสุดที่เขาเอามันขึ้นมา จิ้งจอกสีเงินดูจะสนใจมันมาก
แต่หานเซิ่นไม่ได้ให้มันกิน เขากังวลว่ามันจะเกิดปัญหาที่ไม่ดีตามมา เขาไม่แน่ใจว่ายีนของมันจะกลายพันธ์รึเปล่า เขาไม่รู้ด้วยว่ามันจะเป็นผลดีหรือผลเสีย
จิ้งจอกสีเงินพยายามใช้อุ้งเท้าของมันคว้าขวดยา เหมือนว่ามันต้องการยาใจจะขาด
หานเซิ่นลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็เปิดฝาขวดและเอายาออกมา 1 เม็ด เขาวางมันลงบนมือและกำมันไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งจอกเอามันไปกิน
"นายแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาหลังจากกินมัน?" หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าจิ้งจอกสีเงินจะเข้าใจที่เขาพูดรึเปล่า แต่เขาก็ยังถามมัน
จิ้งจอกสีเงินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันเข้าใจคำถามจริงๆ จากนั้นมันก็เอาหัวของมันลูบมือของหานเซิ่น
หานเซิ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็แบมือ จิ้งจอกกลืนยาเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นสังเกตจิ้งจอกสีเงินอย่างใกล้ชิด เขากำลังรอดูการเปลี่ยนแปลงของมัน เขาเตรียมยาเพิ่มเสถียรภาพยีนที่ได้จากชีซิวเหวินมาด้วย ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เขาสามารถฉีดมันเข้าไปในร่างกายของจิ้งจอกได้
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็รู้สึกว่าเส้นขนของจิ้งจอกดูจะสว่างและเป็นประกายมากขึ้นนิดหน่อย นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิม
จิ้งจอกสีเงินพยายามใช้กรงเล็บของมันข่วนขวดยา ราวกับว่ามันยังต้องการอีก
'ดูเหมือนยาเสริมสร้างยีนจะไม่แรงพอที่จะทำให้ยีนของมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดกลายพันธ์ได้' หานเซิ่นคิด