ตอนที่ 566 เมืองเดม่อน

เมื่อไหร่ก็ตามที่อีตงมู่มีเวลาว่าง เขาก็จะมาฝึกซ้อมกับหานเซิ่น เพราะเขาต้องการที่จะเชี่ยวชาญวิชาของเขา


หานเซิ่นเองก็ได้รับเงินมามาก ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่ต้องมาฝึกกับอีตงมู่ ตรงกันข้ามเลยในช่วงที่ฝึกเขาก็ได้อะไรมากเหมือนกัน วิชาของอีตงมู่สร้างความประหลาดใจให้เขามาก แม้ความสามารถในการรับรู้ของหานเซิ่นจะสูงกว่าอีตงมู่มาก แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของอีตงมู่ได้อีกต่อไป


"น่าเสียดายมาก เราไม่สามารถหาวิชาแบบนี้ได้ในสถานบันเซนท์ ทั้งๆที่มันเป็นวิชาที่เหมาะกับการลอบสังหารมากแท้ๆ แต่เรากลับไม่สามารถเรียนมันได้" หานเซิ่นรู้สึกเสียดาย


การที่เขาได้ฝึกกับอีตงมู่ เขาก็ได้ประโยชน์มากเช่นกัน เขาเน้นฝึกประสาทสัมผัส เขาพยายามจะสัมผัสให้ได้ว่าอีตงมู่จะโจมตีมาตรงไหน เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับรู้ของเขา


วิชาที่อีตงมู่กำลังฝึก เป็นวิชาที่เน้นด้านความเร็วและการตบตา แต่ต่อหน้าหานเซิ่น แค่ประโยชน์ด้านความเร็วอย่างเดียวยังเอาชนะเขาไม่ได้


ดังนั้นหานเซิ่นเลยไม่ได้กังวลว่าอีตงมู่จะเอาวิชานี่ไปใช้ในตอนที่เขาเป็นดอลลาร์ แม้อีตงมู่จะเชี่ยวชาญมันมากแค่ไหนก็ตาม มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะหานเซิ่นได้


ถ้าหานเซิ่นไม่รู้จักวิชานี้ก่อน อีตงมู่ก็ยังมีโอกาสที่จะเอาชนะได้ แต่ตอนนี้หานเซิ่นคุ้นเคยกับวิชานี้แล้ว มันจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ถ้าพวกเขาสู้กัน


'อีตงมู่ผู้น่าสงสาร ไม่ใช่ฉันอยากจะหลอกนายหรอกนะ แต่นายเป็นคนชวนฉันมาเป็นคู่ซ้อมเอง' หานเซิ่นมองอีตงมู่อย่างละเอียด ในระหว่างที่พวกเขาฝึกซ้อมกัน


ในช่วงนี้ในใจของหานเซิ่นคิดแต่เรื่องที่จะหาวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิ ตอนนี้เขารู้ว่ามอนสเตอร์ตัวไหนบ้างที่จะให้ดาบกับเขาได้ แต่พวกมันก็แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเขา บนทุ่งน้ำแข็งมีพื้นที่จำกัดมาก ดังนั้นตัวเลือกของเขาจึงมีไม่มาก


แม้หานเซิ่นต้องการหาซื้อวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิสักดวงหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครที่มีวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิขายเลยสักคน เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะหามันในแถบทุ่งน้ำแข็งนี้ไม่ได้


หานเซิ่นตัดสินใจใช้ปราสาทคริสตัลเดินทางไปที่หาดทรายเหลือง ที่นั้นถ้าขึ้นฝั่งไปจะเจอดินแดนที่มีเมืองมนุษย์จำนวนมาก ยังไงถ้าไปที่นั่นเขาก็น่าจะหาคนที่ขายวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิได้อย่างแน่นอน


หานเซิ่นมีแผนที่จะใช้วิญญาณอสูรโคไฟนรกเป็นเครื่องมือในการต่อรอง เขาเชื่อว่าคงไม่มีใครปฏิเสธจะแลกกับวิญญาณอสูรเปลี่ยนร่างเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กที่มีปีกอย่างแน่นอน


ครั้งนี้เขาพาซีโร่กับจิ้งจอกสีเงินร่วมเดินทางมาด้วย ยังไงมนุษย์ก็จะไม่รู้ว่าจิ้งจอกสีเงินคือมอนสเตอร์ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงพวกเขาก็คงคิดว่ามันเป็นวิญญาณอสูรสัตว์เลี้ยงแน่ๆ การนำมันไปด้วยจึงไม่มีความเสี่ยง


หานเซิ่นมาถึงเมืองที่อยู่ชายทะเล ซึ่งเป็นเมืองที่โล่คลั่งเป็นสปิริตที่ปกครองอยู่ และหานเซิ่นก็ไปช่วยยึดมา หานเซิ่นคิดว่าคนในเมืองนี้คงจะโกรธหรือเกลียดเขามากเรื่องที่เขาไปขโมยสปิริต แต่ผลปรากฏว่ามันกลับตรงกันข้ามเลย บริเวณที่เมืองนี้ตรงอยู่คือบริเวณที่ชื่อว่าหาดทรายเหลือง หรือบางคนอาจจะเรียกว่าหาดทรายสีทอง และเมืองนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว


"ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?" ถ้าหานเซิ่นรู้ว่าวันนั้นทุกคนชื่นชมเขาล่ะก็ เขาคงจะอยู่ต่ออีกหน่อย เพื่อที่จะได้รับประโยชน์เพิ่ม อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะได้เนื้อมอนสเตอร์มาบ้าง


หานเซิ่นพาซีโร่และจิ้งจอกสีเงินเดินไปตามหาดทรายเหลือง ซึ่งทำให้ซีโร่ดูมีความสุขมาก


หลังจากที่เข้าไปในเมืองดอลลาร์แล้ว หานเซิ่นก็ไปเดินหาร้านขายวิญญาณอสูรทันที แต่โชคร้ายที่ดูเหมือนจะมีวิญญาณอสูรขายไม่มาก แม้จะมีวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิขาย แต่ก็ไม่ใช่ประเภทดาบ


"ที่นี่มีวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิประเภทดาบขายไหมครับ?" หานเซิ่นถาม


"สำหรับเมืองเล็กๆแบบนี้ แค่มีวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิขายสักดวงนี้ก็มหัศจรรย์มากแล้ว" เจ้าของร้านหัวเราะ


"งั้นคุณพอจะแนะนำได้ไหมครับว่ามีเมืองไหนที่มีวิญญาณอสูรขายเยอะๆ?" หานเซิ่นถามต่อ


เจ้าของร้านคิดอยู่ชั่วครู่ "ทางตะวันตกของป่าโบราณ มีเมืองใหญ่อยู่ชื่อว่าเมืองเดม่อน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายวิญญาณอสูรของพื้นที่แถบนี้ ถ้าอยากจะหาที่ที่ขายวิญญาณอสูรเยอะๆก็คงจะต้องไปที่นั่น แต่การเดินทางไปที่นั่นค่อนข้างอันตราย และต้องผ่านเมืองสปิริตหลายเมือง"


หานเซิ่นหาซื้อแผนที่มาจากเมืองดอลลาร์ ซึ่งเป็นแผนที่ที่จะพาเขาไปถึงเมืองเดม่อนได้ เขาต้องการวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องหาซื้อให้ได้


กว่าจะไปถึงเมืองเดม่อนจะต้องเดินทางอีกไกล ซึ่งหานเซิ่นต้องการจะล่ามอนสเตอร์ระหว่างทาง เขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่เอาจิ้งจอกสีเงินไปด้วย เขาขอให้ซีโร่คอยอยู่กับจิ้งจอกสีเงินที่เมืองดอลลาร์


หานเซิ่นเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มพ่อค้าที่จะไปเมืองเดม่อน
"น้องชายคิดจะไปทำอะไรที่เมืองเดม่อน?" ชายวัยกลางคนที่กำลังขี่สัตว์อสูรลากรถขนสินค้าถามหานเซิ่น


กลุ่มที่หานเซิ่นเดินทางไปด้วยเป็นกลุ่มของพวกพ่อค้า ซึ่งหานเซิ่นต้องจ่ายค่าเดินทางให้พวกเขาด้วย ถ้าหานเซิ่นไปกับพวกเขาจะทำให้เดินทางได้รวดเร็วและปลอดภัยกว่า ซึ่งจะเลี่ยงหลีกความเสี่ยงที่จะหลงทางได้


"ผมได้ยินว่าที่นั่นมีวิญญาณอสูรขายเป็นจำนวนมาก ผมว่าจะไปที่นั่นเพื่อหาซื้อวิญญาณอสูรสัก 2-3 ดวง" หานเซิ่นตอบ


"ใช่ที่นั่นมีวิญญาณอสูรระดับสูงจำนวนมาก และยังมีราคาถูกกว่าที่เมืองดอลลาร์ขายกันอยู่" ชายวัยกลางคนค่อนข้างเป็นคนที่พูดเก่ง ทำให้หานเซิ่นได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเดม่อนเพิ่มมากขึ้น


สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจมากที่สุดก็คือผู้ปกครองเมืองเดม่อนเป็นคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี


เขาก็คือเซินเทียนจื่อ ลูกชายของซีอีโอกลุ่มสตาร์รี่ เขาไม่อยากเชื่อว่าเซินเทียนจื่อจะเป็นผู้ครองเมืองเดม่อน


เซินเทียนจื่อและหานเซิ่นมีเรืองบาดหมางกันมาก่อน แต่ตอนนี้ตระกูลหนิงคิดว่าหานเซิ่นเป็นทายาติของหานจิงจื่อ ทำให้ตระกูลหนิงไม่เคยมารบกวนเขาอีกเลย


ในตอนนี้หานเซิ่นไม่รู้ว่าเซินเทียนจื่อจะคิดยังไงกับเขา แต่ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกเฉยๆกับคนคนนี้แล้ว


ในสายตาของหานเซิ่น ตอนนี้เซินเทียนจื่อไม่ใช่คนที่จะมาเป็นคู่แข่งกับเขาได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่หานเซิ่นจะต้องไปสนใจคนอย่างเขา


ถ้าหานเซิ่นไม่ได้ยินว่าผู้ครองเมืองเดม่อนคือเขาล่ะก็ บางทีหานเซิ่นอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีคนๆนี้อยู่ด้วย


มันไม่เหมือนกับความสนใจที่เขามีต่อหนิงเยวี่ย สำหรับหานเซิ่นแล้ว หนิงเยวี่ยเป็นคนที่เก่งกว่าเซินเทียนจื่อมาก นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นต้องใช้ปรสิตกับหนิงเยวี่ย เพื่อที่จะรวบรวมความลับของตระกูลหนิง


แต่หนิงเยวี่ยเป็นคนที่ควบคุมจิตใจของตัวเองได้ดีมาก แม้จะถูกปรสิตอควารีปเปอร์ฝังร่าง แต่ข้อมูลที่หานเซิ่นได้ก็ยังมีจำกัดมาก


ตั้งแต่หานเซิ่นใช้ปรสิตกับเขา หนิงเยวี่ยก็เอาแต่เก็บตัว เขาแทบไม่พบปะกันใครเลย เขาเอาแต่อ่านหนังสือศาสนาพุทธและเต๋า ซึ่งเขาอ่านมันไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ชั่วโมง เหมือนว่าเขาเลิกสนใจเรื่องภายนอกแล้ว ทำให้หานเซิ่นแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย


"ถ้าเซินเทียนจื่อมันเก่งได้สักครึ่งของหนิงเยวี่ย ป่านนี้เราคงถูกฆ่าตายที่สตีลอาเมอร์ไปแล้ว" ตอนนี้หานเซิ่นกำลังนึกถึงเรื่องในอดีต มันทำให้เขารู้สึกกลัวหนิงเยวี่ยมากขึ้น


โชคดีที่หนิงเยวี่ยถูกปรสิตฝังร่างอยู่ ไม่งั้นหานเซิ่นคงเป็นกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว


หานเซิ่นยังจำสิ่งที่เซินเทียนจื่อเคยพูดได้ดี ในตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าหานเซิ่นวิวัฒนาการช้า หานเซิ่นก็ไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา สมัยก่อนเซินเทียนจื่อเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองและหยิ่งยโสมาก ตอนนี้หานเซิ่นอยากจะรู้ว่าเซินเทียนจื่อจะปฏิบัติตัวยังไงในตอนที่พบเขา เซินเทียนจื่อจะคิดว่าหานเซิ่นเป็นมิตร เพราะเขาเป็นทายาทหานจิงจือ หรือเป็นศัตรูเพราะความบาดหมางในอดีตกันแน่?


หานเซิ่นอยากจะรู้เรื่องนี้มาก แต่เขาก็ไม่ลืมว่าจุดประสงค์ที่จะไปหาซื้อวิญญาณอสูรดาบเลือดศักดิ์สิทธิ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อได้ เขาก็ยังไม่อยากไปให้เซินเทียนจื่อเห็นหน้า


VIPถึงตอนที่ 1595 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGen
ตอนก่อนหน้า รวมตอน ตอนถัดไป
เวลาลงนิยายคือ 14.00-19.00 ของทุกวันครับ
ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/