ตอนที่ 542 กายหยกของตระกูลเสวีย

จีเหยียนหรันทักทายอย่างสุภาพ "สวัสดีค่ะ พี่เวยเวย"


แต่ในหัวของเธอกำลังคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานเซิ่นกับหลินเฟิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาน่าจะไม่ธรรมดา แม้แต่ทาญาติที่มีชื่อเสียงแห่งตระกูลหลินยังเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองขนาดนี้


หานเซิ่นไม่ได้รู้จักหลินเวยเวยมาก่อน เขาไม่รู้ว่าเธอเกี่ยวข้องยังไงกับหลินเฟิง แต่จีเหยียนหรันนั้นรู้ดี เธอมีศักดิ์เป็นน้าของหลินเฟิง เธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในตระกูลหลิน การที่เธอขึ้นมามีชื่อเสียงได้เป็นเพราะพรสวรรค์และความพยายามของตัวเธอเองล้วนๆ เธอเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของคนตระหลิน เธอแก่กว่าหลินเฟิง 10 ปี แต่แค่ 10 ปีถือว่าน้อยในยุคนี้


หลินเวยเวยเป็นที่รู้จักกันดีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแสบเลยทีเดียว เธอรู้จักวิธีปั่นหัวคน เธอสามารถทำให้คนอื่นๆมาอยู่ในกำมือของเธอได้ สมัยเด็กเธอมีฉายาว่า ปีศาจสาวน้อย แต่ในช่วง 2 ปีนี้เหมือนเธอกำลังเก็บตัว เพื่อเตรียมการสำหรับวิวัฒนาการเป็นผู้เป็นเลิศ ทำให้ชื่อของเธอดูจะเงียบๆไปในช่วงนี้


แม้หานเซิ่นจะไม่รู้จักชื่อเสียงของหลินเวยเวย แต่เขาก็รู้ว่าเธอไม่ธรรมดาแน่ คนที่สามารถทำให้หลินเฟิงดูเชื่องและหงอยได้ขนาดนี้ คงไม่ใช่เล่นๆแน่ หานเซิ่นจะต้องจดชื่อของเธอไว้ในหัวว่าไม่ควรจะไปทำให้เธอไม่พอใจ


ทั้ง 4 คนเริ่มพูดคุยกันโดยไม่ได้สนใจการมีตัวตนของเสวียอี้หยางและจีชิงชิว ซึ่งนั่นทำให้คนที่ภาคภูมิใจในตัวเองสูงอย่างเสวียอี้หยางรู้สึกหัวร้อนขึ้นมา


ทาญาติทุกรุ่นของตระกูลเสวียจะต้องเรียนวิชาชี่กงของตระกูล ซึ่งเป็นวิชาชี่กงที่ร้ายกาจที่สุด ไม่มีใครสามารถทำเหมือนกับพวกเขาเป็นคนธรรมดาๆได้


เสวียอี้หยางยอมรับในการบรรยายของหลินเฟิง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ชวนหลินเฟิงให้เข้าร่วมวงกับเขาด้วยตัวเอง แต่เขาก็ต้องหน้าแตกก็เพราะการปรากฏตัวของหานเซิ่น แถมหานเซิ่นยังไม่ได้มาจาก 4 ตระกูล เขาไม่มีค่าพอ


ตอนนี้หลินเฟิงและหลินเวยเวยปฏิบัติกับหานเซิ่น เหมือนกับเป็นเพื่อนสนิท แต่การที่เขาถูกเพิกเฉย มันทำให้เขาเริ่มหมดความอดทน


ขณะกำลังมองดูพวกเขา 4 คนพูดคุยกัน เสวียอี้หยางและจีชิงชิวก็ไม่คิดจะเข้าไปร่วมวงสนทนา เสวียอี้หยางมองไปรอบๆ จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงที่ดัง "ชี่กงของหลินเฟิงนั่นยอดเยี่ยม ทุกคนต่างก็รู้กันดี และนายก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของหลินเฟิง ฉันคิดว่านายเองก็น่าจะเรียนวิชาชี่กงมาบ้าง ไม่มากก็น้อย พวกเรามาประลองฝีมือกันหน่อยเป็นยังไง?"


คนอื่นๆหันมามองที่เสวียอี้หยางเป็นสายตาเดียว จีชิงชิวสนับสนุนแฟนของเธอ เธอพูด "การนั่งอยู่เฉยๆ มันดูน่าเบื่อ พวกเขาควรจะให้แฟนของจีเหยียนหรันโชว์ตัวหน่อย"


จีชิงชิวไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะมีโอกาสเอาชนะเสวียอี้หยางในการประลองได้ คนจากตระกูลเสวียทุกคนคือนักสู้ชั้นยอด ในความคิดของจีชิงชิว ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน คนที่มีโอกาสเอาชนะแฟนของเธอได้ก็มีแค่หลินเฟิงคนเดียว


คนอื่นๆเองก็คิดว่าหานเซิ่นไม่มีหวังที่จะเอาชนะเสวียอี้หยางได้เช่นกัน


จีชิงชิวชี้ไปที่หานเซิ่น ขณะพูดคำว่าแฟนของจีเหยียนหรัน เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอนั่นเหนือกว่าจีเหยียนหรัน เวลาที่แฟนของเธอเอาชนะหานเซิ่นได้


"นายอยากจะประลอง ก็มาลองกับฉันหน่อย" หลินเวยเวยทำตาแคบลง แต่รอยยิ้มของเธอมันเหมือนกับดอกไม้บาน


เสวียอี้หยางขมวดคิ้ว แม้เขาจะมั่นใจในฝีมือของตัวเองมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าเขายังห่างชั้นกับคนที่กำลังจะกลายเป็นผู้เป็นเลิศอย่างเธอ เขาไม่มีทางเอาชนะหลินเวยเวยที่ปลดล็อคยีนไปหลายขั้น และเตรียมที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิได้


"พี่เวยเวย เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกผู้ชาย ส่วนผู้หญิงอย่างพวกเราควรจะแค่ดูอยู่เฉยๆดีกว่า" จีชิงชิวยิ้ม


"เธอมาจากตระกูลไหน? เธอไม่รู้หรอว่าฉันเป็นใคร? เธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงมาเรียกฉันว่าพี่ได้? เธอเองก็น่ารู้ดีว่าฉันคือน้าของหลินเฟิง ถ้าเทียบตามลำดับขั้นของตระกูล เธอควรจะเรียกฉันว่าน้า เธอโง่หรือว่าเธอไม่รู้กฎกันแน่?" หลินเวยเวยคือปีศาจสาวน้อยตัวจริงเสียงจริง เธอสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเธอได้อย่างฉับพลัน ในชั่วพริบหน้าตาที่ดูอบอุ่นของเธอก็ดูน่ากลัวขึ้นมาทันที


คำพูดของเธอถึงกับทำให้จีชิงชิวเงิบไปเลย เธออยากจะขุดรูและลงไปซ่อนตัว เธอได้ยินจีเหยียนหรันเรียกว่าพี่เวยเวย เธอก็เลยคิดว่าเธอเองก็น่าจะเรียกได้เหมือนกัน เธอไม่คิดว่าหลินเวยเวยจะจริงจังขนาดนี้


หลังจากที่เห็นจีชิงชิวขายหน้า เสวียอี้หยางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รอบๆตัวเขาเริ่มมีกระแสลมที่เย็นราวกับน้ำแข็งไหลเวียน สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก ตอนนี้ทุกๆคนที่อยู่ใกล้ๆเขาจะรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที


"จะเอางั้นหรอ? ถ้าอยากจะสู้นัก ฉันจะเป็นคู่มือให้เอง" หลินเวยเวยเป็นคนที่จะไม่ทนกับพฤติกรรมแบบนี้ ตอนนี้เธอลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว


ปรกติแล้วในงานแลกเปลี่ยน การประลองเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะสู้กัน เพราะเรื่องอื่นที่ไม่ใช่แลกเปลี่ยนความรู้ คนอื่นๆเริ่มหันมามองทางพวกเขากันหมด


"พี่เวยเวย งานนี้ผมขอเองก็แล้วกัน สาวงามอย่างพี่ไม่ควรมาต่อสู้กับเด็กๆแบบนี้" หานเซิ่นยืนขึ้นมา พร้อมกับยิ้มให้หลินเวยเวย


หลินเวยเวยช็อค เธอหันไปมองหลินเฟิง แต่หลินเฟิงกลับพยักหน้า จากนั้นเธอก็กลับไปนั่งบนโซฟาและพูด "เซิ่นเซิ่นน้อย งั้นฉันจะรอดูฝีมือของนาย"


เหตุผลที่หลินเวยเวยจะสู้แทนก็เพราะเธอเห็นท่าทางของเสวียอี้หยางเหมือนจะเอาจริง เธอดูออกว่าเขาไม่พอใจเพราะความเป็นเพื่อนระหว่างหานเซิ่นกับหลินเฟิง ไม่งั้นเธอไม่มีทางช่วยคนที่พึ่งจะพบกัน แต่การที่หานเซิ่นยืนขึ้นมาและขอสู้เอง ทำให้เธอประหลาดใจ


จีเหยียนหรันรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ถ้าดูจากสถานะของหานเซิ่นและเสวียอี้หยาง แม้หานเซิ่นจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก แต่ถ้าจะต้องสู้กับคนที่เป็นหัวกระทิของตระกูลเสวีย เธอกลัวว่าหานเซิ่นจะต้องแพ้


แม้ตระกูลเสวียจะไม่ได้เป็นตระกูลที่ใหญ่หรือมีชื่อเสียง แต่พวกเขาก็เป็นตระกูลที่มีเกียรติและความภาคภูมิ พวกเขาค่อนข้างหยิ่งและเชื่อมั่นในตัวเอง คนจากตระกูลเสวียทุกคนจะแข็งแกร่ง เพราะพวกเขามีวิชาลับที่ร้ายกาจที่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น


ทุกวันนี้วิชาชี่กงเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ มันมีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนายีน ดังนั้นตระกูลเสวียจึงเริ่มมีความสำคัญขึ้นมา ไม่อย่างงั้นแล้วคนจากตระกูลจีคงจะไม่มีทางแต่งงานกับคนตระกูลเสวีย


หลังจากที่ได้ฟังการบรรยายของเสวียอี้หยาง ทุกคนต่างก็รู้ว่าวิชาชี่กงของเขาจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน


"เฟิงเฟิงน้อย เซิ่นเซิ่นน้อยจะเอาสู้เขาได้จริงๆหรอ?" หลินเวยเวยแค่ดูก็รู้แล้วว่าเสวียอี้หยางนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหานเซิ่นเลย


หลินเฟิงตอบแบบสบายๆ "ผมไม่รู้ แต่ถ้าสู้กับคนระดับเดียวกัน เขาไม่เคยแพ้"


หลังจากที่ได้ยินที่หลินเฟิงพูด ไม่เพียงแค่หลินเวยเวยที่ประหลาดใจ คนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็ช็อค พวกเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะมั่นใจในตัวหานเซิ่นมากขนาดนี้ มันทำให้พวกเขาต้องมองหานเซิ่นใหม่


ในตอนแรกพวกเขารู้แค่ว่าหานเซิ่นเป็นแฟนของจีเหยียนหรัน แถมเขาไม่ได้มาจากตระกูลสืบทอดชี่กง ถึงจะเป็นเพื่อนกับหลินเฟิงก็ไม่มีใครคิดจริงจังเกี่ยวกับเขา


ไม่มีใครคิดว่าหานเซิ่นจะเป็นคู่ต่อสู้กับเสวียอี้หยางได้ ถึงจะไม่เคยมีใครเห็นเสวียอี้หยางต่อสู้มาก่อน แต่เขามาจากตระกูลเสวีย วิชาชี่กงของเขาจะต้องร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย


แต่การที่หลินเฟิงแสดงความมั่นใจเกี่ยวกับหานเซิ่น ทำให้ทุกคนเริ่มอยากจะเห็นเขาสู้แล้ว ทุกคนอยากรู้ว่าเขามีดีอะไร


หานเซิ่นและเสวียอี้หยางเดินขึ้นไปบนเวที เมื่อหานเซิ่นเดินขึ้นมา เขาก็ดูสงบเยือกเย็นมาก เขามองเสวียอี้หยางตาไม่กระพริบ หานเซิ่นผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจคำพูดของคนอื่นๆ มันยากมากที่เขาจะโกรธเพียงเพราะคำพูดของเสวียอี้หยาง แต่การที่เขายอมขึ้นมาสู้ก็เพราะเขาต้องการเห็นว่าเสวียอี้หยางจะมีวิชากายหยกเหมือนกับเขารึป่าว และเขาต้องการจะดูให้แน่ใจว่าวิชากายหยกของเขาจะแตกต่างจากวิชากายหยกของคนในตระกูลเสวียรึเปล่า


ถ้าทุกคนรู้เรื่องที่เขาฝึกวิชากายหยก เขาจะต้องกลายเป็นศัตรูกับตระกูลเสวียอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น เขาจะต้องศึกษาคู่ต่อสู้ให้ดีซะก่อน


เสวียอี้หยางยืนอยู่ตรงข้ามกับหานเซิ่น แววตาของเขาเยือกเย็นมาก ผิวของเขาขาวราวกับน้ำแข็ง ตอนนี้มีไอเย็นกำลังไหลออกมาจากตัวเขา เขาดูเหมือนกับปีศาจน้ำแข็ง แค่บรรยายกาศรอบๆตัวก็ทำให้คนที่จ้องมองเขาต้องรู้สึกกลัวแล้ว


คนจำนวนมากที่กำลังยืนรอดูการต่อสู้ขยับถอยหลังออกมา พวกเขาคิดว่าควรอยู่ห่างๆเสวียอี้หยางไว้จะปลอดภัยกว่า จากนั้นก็มีใครบางคนพูดขึ้นมาว่า "นี่จะต้องเป็นวิชากายหยกแน่ วิชาที่ลือกันว่าถูกดัดแปลงมาจากคัมภีร์เหมันต์ของตระกูลเสวีย มันคือวิชาลับสุดยอดที่แทบไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน มันทรงพลังยิ่งกว่าวิชาชี่กงของทุกตระกูล"


VIPถึงตอนที่ 1547 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

ตอนก่อนหน้า รวมตอน ตอนถัดไป
เวลาลงนิยายคือ 14.00-19.00 ของทุกวันครับ
ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/