ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ตอนที่ 528 แมลงสีเงิน
"ฉันกลัวว่าคงจะต้องทำให้นายต้องผิดหวังแล้ว ฉันเป็นศัตรูกับแบล็คก็อต ดังนั้นมันคงจะไม่ดี ถ้านายพาฉันไปด้วย" หานเซิ่นยิ้ม
"นายเป็นคนที่ทำให้แบล็คก็อตบาดเจ็บ และขโมยปลาเลือดศักดิ์สิทธิไปจริงๆสินะ?" หลี่ซิงหลุนนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขามองไปที่หานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ
"ฉันนี่แหละ ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปด้วยกัน เดี๋ยวฉันจะแอบตามไปทีหลัง" หานเซิ่นพูด
"คงจะต้องเป็นแบบนั้น แต่นายต้องระวังตัวให้ดี ครั้งนี้เมืองแบล็คก็อตจะต้องระดมพวกนักสู้ฝีมือดีไปร่วมด้วยแน่ ถ้าแบล็ตก็อตต้องการจะเล่นงานนาย คงยากที่นายจะป้องกันตัว ฉันรับหน้าที่เข้าโจมตีทางตะวันตก นายมาอยู่กับฉันก็แล้วกัน" หลี่ซิงหลุนครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา
"แล้วใครทำหน้าที่เข้าโจมตีที่ประตูหลัก?" หานเซิ่นถาม
"แบล็คก็อตคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะฉะนั้นเขาจึงรับหน้าที่นั้น" หลี่ซิงหลุนพูด
หลังจากที่ถามรายละเอียดอีก 3-4 คำถาม หานเซิ่นก็เตรียมจะออกเดินทางทันที แต่กระนั้นเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปประตูหลักที่แบล็คก็อตอยู่
แน่นอนว่าก่อนที่จะยึดเมืองได้ หานเซิ่นจะไม่เข้าไปเล่นงานแบล็คก็อต แต่ทว่าหลังจากที่ยึดเมืองสปิริตได้แล้ว หานเซิ่นก็จะไม่ยั้งมืออีกต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ในเขตทุ่งน้ำแข็งจะร่วมแรงร่วมใจกัน คนจำนวนมากกำลังเตรียมการสำหรับสู้รบ พวกนักสู้ระดับสูงของแต่ละเมืองจะออกไปล่ามอนสเตอร์เพื่อนำมาเป็นเสบียงอาหาร
เนื่องจากทรัพยากรบริเวณทุ่งน้ำแข็งมีจำนวนจำกัด มนุษย์จึงต้องพยายามขยายเขตแดน พวกเขาต่อสู้กับเมืองสปิริตราชวงศ์มาเป็นร้อยปีแล้ว
แต่ทว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ ถ้ามนุษย์เป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะเสียหายหนักมาก ดังนั้นไม่มีใครกล้าทำเป็นเหมือนเรื่องเล่นๆ
ที่สำคัญยังมีปัญหาเรื่องการแบ่งผลประโยชน์กันอยู่ เมื่อเมืองสปิริตถูกยึดได้แล้ว ไม่มีใครรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่สู้กันเอง เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์
หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนไปที่เมืองสปิริต เขาอยากจะไปหลังจากที่การต่อสู้เริ่มแล้ว
เป็นจริงดั่งที่หลี่ซิงหลุนพูด ทั้ง 3 เมืองใหญ่ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันบุกโจมตีเมืองสปิริต ซึ่งเเบล็คก็อตจะรับหน้าที่โจมตีทางประตูหลัก
จากระยะไกลหานเซิ่นเห็นกลุ่มมอนสเตอร์กำลังวิ่งออกจากเมืองสปิริต เเบล็คก็อตพาคนที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 มา 10 กว่าคน พวกเขาพยายามที่บุกเข้าไปข้างในให้ได้ แต่ทว่าพวกเขาก็ถูกหยุดโดยมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิจำนวนมาก
ซึ่งอีก 2 ทางก็ถูกหยุดไว้เช่นเดียวกัน มีการต่อสู้เกิดขึ้นแทบทุกจุด สปิริตสาวผมเงินกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่บนกำแพงเมืองที่สูงที่สุด เธอมองไปรอบๆด้วยสายตาที่เยือกเย็น ดูเหมือนเธอจะไม่มีแผนที่จะเข้าไปสู้ด้วยตัวเอง
ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้เห็นศึกใหญ่ หานเซิ่นมองเห็นไม่ชัดว่าทางด้านหลี่ซิงหลุนและฟิลิปเป็นยังไง แต่สำหรับทางด้านเเบล็คก็อต ตอนนี้พวกผู้วิวัฒนาการที่มีระดับความแข็งแกร่งเกิน 100 กำลังรับมือกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเกือบ 20 ตัวที่วิ่งออกมาจากเมือง พวกมันขวางไม่ให้พวกแบล็คก็อตบุกเข้าไปในเมือง
เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่สปิริตราชวงศ์มี ภายในเมืองยังมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์อยู่อีกมาก แถมยังมีบางส่วนที่ไปต่อสู้กับอีก 2 เมืองที่กำลังบุกตีอีก 2 ทิศทาง เมืองสปิริตราชวงศ์เมืองนี้มีกำลังมหาศาลจริงๆ
"มนุษย์คงจะยังไม่เคยยึดเมืองสปิริตที่ใหญ่ขนาดนี้ได้มาก่อน" หานเซิ่นรู้สึกทึ่งมาก ถ้าไม่มีการร่วมตัวกันของทั้ง 3 เมืองใหญ่ คงไม่มีใครยึดเมืองสปิริตนี้ได้แน่นอน ถ้าหากพวกเขายังไม่มีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด
งูยักษ์ที่มีความยาวกว่า 300 ฟุต อสูรที่ตัวใหญ่เหมือนกับไททัน มอนสเตอร์บินได้ขนาดใหญ่ และยังมีนกตัวเล็กบนท้องฟ้าจำนวนมาก ตอนนี้การต่อสู้กำลังดุเดือด นี่เป็นฉากการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าในหนังซะอีก
มันดูยิ่งใหญ่เหมือนกับสงครามระหว่างดวงดาวเลยทีเดียว ที่สำคัญถ้าเป็นสงครามระหว่างดวงดาวคงจะไม่ได้เห็นเลือดมากมายขนาดนี้
แม้หานเซิ่นจะเตรียมการมาเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเริ่มเดือดขึ้นมา
ดูเหมือนความสามารถในการสั่งการของแบล็คก็อตจะดีกว่าที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ เนื่องจากมีผู้ช่วยจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถสั่งการและควบคุมกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้วิวัฒนาการที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงจะเข้าไปสู้เป็นแนวหน้า
ขณะพวกที่อ่อนแอกว่าจะทำให้หน้าที่สนับสนุนอยู่แนวหลัง เมื่อมีคนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็จะช่วยพาออกมารักษาเบื้องต้นก่อน ทำให้จำนวนคนที่ตายจากการต่อสู้ไม่ได้สูงมากนัก
'แบล็คก็อตคนนี้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เขาสามารถสั่งการกองทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ' หานเซิ่นคิด แต่ยังไงศัตรูก็คือศตรู ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม
เนื่องจากเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วที่มนุษย์ถูกเมืองสปิริตเมืองนี้กดหัวเอาไว้ พวกเขาเคยสู้กับกองทัพของสปิริตมาหลายครั้งแล้ว ทำให้พวกเขารู้ดีว่ากองทัพของสปิริตแข็งแกร่งขนาดไหน หลังจากปรึกษากันแล้ว ทั้ง 3 กองกำลังก็เริ่มทำการโจมตีทันที แม้เมืองสปิริตราชวงศ์จะแข็งแกร่ง แต่เหมือนว่ามันจะไม่สามารถต้านทานกองกำลังทั้ง 3 ได้นานนัก
แต่ทว่าดูเหมือนสปิริตผมสีเงินก็ยังไม่มีท่าทีที่จะเคลื่อนไหวเลย เธอมองดูการต่อสู้ด้วยสายตาที่เยือกเย็น เธอขยับไม้เท้าของเธอ เพื่อสั่งการพวกมอนสเตอร์
'ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เมืองสปิริตก็คงถูกยึดได้แน่' หานเซิ่นคิด
ถ้ามันเป็นเมืองสปิริตขุนนาง หานเซิ่นก็คงบุกเข้าไปข้างในเพื่อขโมยสปิริตสโตนแล้ว แต่ทว่าเนื่องจากมันเป็นเมืองสปิริตราชวงศ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าข้างในจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่มากขนาดไหน ถึงหานเซิ่นจะเสี่ยงบุกเข้าไปข้างใน เขาก็ยังไม่แน่ว่าจะหาสปิริตสโตนเจอ
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาก็เห็นสปิริตผมสีเงินเดินลงจากกำแพงเมือง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เข้าไปร่วมต่อสู้ เธอเดินกลับเข้าไปในเมือง
หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของเธอ ตอนนี้การต่อสู้อยู่ในจุดวิกฤต กองทัพมอนสเตอร์กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าพวกมันไม่มีเธอคอยสั่งการแล้ว พวกมันจะเอาชนะได้ยังไง?
ในขณะที่หานเซิ่นกำลังงง อยู่ๆเขาก็เห็นว่าพื้นบริเวณสนามรบเริ่มสั่นสะเทือน และก็เริ่มมีแมลงปีกแข็งจำนวนมากออกมาเหมือนกับคลื่นทะเล
ทุกที่ที่แมลงพวกนี้ผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นร่างของมนุษย์หรือมอนสเตอร์ก็จะถูกกินโดยสมบูรณ์
มีช่องว่างที่เกิดจากพื้นแยกตัวอีกหลายจุดที่มีแมลงสีเงินเดินออกมา ในตอนนี้สนามรบกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์ต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ไม่มีใครมีกระจิตกระใจจะต่อสู้แล้ว
มนุษย์และมอนสเตอร์ที่กำลังต่อสู้กันเมื่อประมาน 1 นาทีก่อน ตอนนี้ได้แยกย้ายหนีกันไปคนละทิศละทาง
แม้แต่มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ก็วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดของมัน เหมือนว่าพวกมันจะกลัวแมลงพวกนี้มาก
หานเซิ่นเองก็เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน แต่ทว่าเมื่อสังเกตดีๆ เขาพบว่าจริงๆแล้วแมลงพวกนี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรมาก พวกมันดูจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์โบราณแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่ามันมีจำนวนที่มหาศาลมาก และปากของพวกมันก็แหลมคม แม้แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ยังได้รับบาดเจ็บ ถ้าโดนมันกัด
อย่างไรก็ตามหานเซิ่นรู้สึกว่าตอนนี้มันน่าจะเป็นโอกาสของเขาเเล้ว