ตอนที่ 502 ราชันทหารตะวันตกเฉียงใต้

คลื่นหยินหยางที่หานเซิ่นฝึกมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้ถูกนำมาใช้
คลื่นหยินหยางถูกพัฒนาขึ้นโดยศาสตราจารย์ไป๋อี้ซาน มันเป็นวิชาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้แรง และยังเป็นวิชาที่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายสถานการณ์


อัตราการทะลุทะลวงของพลังหยินที่หานเซิ่นใช้คือมากกว่า 95% เดิมทีหานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะยังไม่พอที่จะเอาชนะเถี่ยอี๋ได้ เพราะถ้าเถี่ยอี๋ใช้แขนหรือขาขึ้นมาป้องกัน การโจมตีของหานเซิ่นก็จะเข้าไม่ถึงอวัยวะภายใน การจะทำให้เถี่ยอี๋บาดเจ็บได้ หานเซิ่นจำเป็นจะต้องโจมตีให้โดนลำตัวตรงจุดที่อวัยวะภายในตั้งอยู่


แต่อย่างไรก็ตาม หานเซิ่นไม่คาดคิดว่าเถี่ยอี๋จะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองถึงขนาดนี้ เถี่ยอี๋ไม่ได้พยายามที่จะป้องกันหมัดของหานเซิ่นเลย ซึ่งมันช่วยให้หานเซิ่นไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ลำบาก


เนื่องจากนี่เป็นแค่การแข่งขัน หานเซิ่นเลยไม่มีจิตใจที่จะฆ่าหรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บหนัก ไม่งั้นถ้าเขาโจมตีไปที่หัวของเถี่ยอี๋ ถึงเถี่ยอี๋ไม่ตายก็อาจจะถึงขั้นพิการได้


แต่อย่างไรก็ตามจะตำหนิเถี่ยอี๋ที่ประมาทเกินก็ไม่ถูกซะทีเดียว ในยุคสมัยนี้ ซึ่งเป็นสมัยที่ประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด มีคนจำนวนน้อยมากๆที่ให้เวลากับการฝึกพลังหยิน และคนที่ฝึกสำเร็จยิ่งน้อยลงไปอีก


โดยปรกติแล้วผู้วิวัฒนาการจะฝึกวิชาที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ได้โดยตรง ตัวอย่างเช่นวิชามีดอัสนีที่หานเซิ่นได้รับมา แต่ยังไม่มีเวลาฝึก มันเป็นวิชาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ


แต่สำหรับการฝึกพลังหยินนั้นเป็นเรื่องที่คนส่วนมากคิดว่าไม่จำเป็น แถมมันยังใช้เวลาในการฝึกมาก พอฝึกสำเร็จก็ไม่ค่อยได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้กับผู้ฝึกเลย


ในช่วงการฝึกแรกๆ มันแทบจะเรียกได้ว่าไร้ประโยชน์เลยก็ได้ เพราะช่วงนั้นพลังหยินจะมีพลังในการทะลุทะลวงได้แค่ 1 นิ้ว แถมยังส่งพลังทุลุทะลวงไปได้ในอัตราที่ต่ำ สำหรับการใช้ล่ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆแล้ว ความสามารถแบบนี้นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังเป็นจุดอ่อนของเราด้วย ถ้าหากเราพยายามฝืนใช้มัน


สำหรับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆ แม้แต่ผิวหนังของพวกมันก็หนามากกว่า 1 นิ้วแล้ว ยากที่ผู้ใช้พลังหยินจะสามารถส่งพลังทะลุไปถึงอวัยวะภายในได้ และที่สำคัญเวลาใช้พลังหยินพลังโจมตีของผู้ใช้ลดลงถึง 50% มันเป็นความสามารถที่แทบจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง


ด้วยเหตุที่ว่ามันแทบไม่มีใครฝึกพลังหยินเลย ทำให้เถี่ยอี๋เองก็ไม่คิดว่าหานเซิ่นจะใช้มัน เขามีระดับความแข็งแกร่งของร่างกายที่สูงมาก แม้แต่อวัยวะภายในของเขาก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะทนการโจมตีของคนที่มีระดับความแข็งแกร่งแถวๆ 100 ได้ แม้จะใช้พลังหยิน แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่หานเซิ่น พลังหยินก็จะทำอะไรเถี่ยอี๋ไม่ได้ ถ้าหากระดับการส่งพลังไม่ถึง 95%


ระดับของการทรงพลังทะลุทะลวงแค่ 80% ก็ถือว่าหาได้ยากมากแล้ว เถี่ยอี๋ไม่เคยเห็นพลังหยินที่รุนแรงแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้นเขาไม่คิดว่าหานเซิ่นจะทำให้เขาบาดเจ็บได้


การที่หานเซิ่นกระหน่ำชกไปรัวๆ ทำให้อวัยวะภายในของเถี่ยอี๋บาดเจ็บ โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ พลังหยินเป็นพลังที่ยากจะตรวจพบหรือถ้าโดนเข้าไปก็จะไม่ค่อยรู้สึกตัวว่าโดน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเถี่ยอี๋ถึงได้ยืนให้หานเซิ่นชกหลายครั้ง โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกตัวเลย


หลังจากที่เถี่ยอี๋พยายามใช้พลังของเขาเพื่อเล่นงานหานเซิ่น อวัยวะภายในของเขาก็หมดสภาพแล้ว ซึ่งหานเซิ่นเองก็เตือนเขาแล้วว่าอย่าขยับตัว ถ้าเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยตรง เขาก็อาจจะไม่เจ็บสาหัสมาก


แต่อย่างไรก็ตามเถี่ยอี๋ก็พยายามจะโจมตี ซึ่งมันทำให้อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่พักฟื้นหลายเดือนก็ยากที่เขาจะกลับมาเป็นเหมือนปรกติได้


ทีมแพทย์สนามรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเถี่ยอี๋ ในตอนนี้เถี่ยอี๋หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้หานเซิ่นได้รับเสียงเฮและเสียงเชียร์จากกองเชียร์ดังกึงก้อง


ไม่มีใครคาดคิดว่าทหารเสือที่ไร้เทียมทานจะแพ้พ่ายแบบนี้ มันยากที่จะจินตนาการจริงๆ


เถี่ยอี๋เลือกที่จะให้หานเซิ่นโจมตี เพื่อที่เขาจะได้โชว์ความสามารถของซุปเปอร์ไดมอน แต่มันกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง ขณะที่หานเซิ่นได้กลายเป็นฮีโร่ของกาแล็กซี่เขตตะวันตกเฉียงใต้ในชั่วข้ามคืน


ทหารระดับสูงหลายคนประทับใจในฟอร์มของหานเซิ่นมาก เนื่องจากพวกเขาต่างก็เป็นผู้เป็นเลิศ ทำให้พวกเขาสามารถดูออกได้ว่าหานเซิ่นใช้พลังหยินโจมตีใส่อวัยวะภายในของเถี่ยอี๋โดยตรง แต่ยังไงด้วยวิชาซุปเปอร์ไดมอนที่เถี่ยอี๋ฝึกก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของอวัยวะภายในด้วย ถ้าไม่มีระดับความแข็งแกร่ง และอัตราการทะลุทะลวงที่สูงพอ ถึงจะเป็นพลังหยินก็จะไม่สามารถทำให้อวัยวะภายในของเถี่ยอี๋บาดเจ็บได้


ระดับความแข็งแกร่งของหานเซิ่นอยู่ที่ประมาน 110 บวกกับอัตราการทะลุทะลวงของพลังหยินที่ 95% ทำให้หานเซิ่นสามารถเอาชนะทหารเสือของหน่วยบลูบลัดได้


แม้แต่ทหารระดับสูงที่เป็นผู้เป็นเลิศก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเขาสามารถใช้พลังหยินได้ดีกว่าหานเซิ่นเลยแม้แต่คนเดียว


ผู้เป็นเลิศหลายคนมองหานเซิ่นด้วยความรู้สึกที่ชื่นชม คนหนุ่มแบบนี้แต่กับทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกพลังหยินจนทำได้ถึงขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยพรสวรรค์ของเขามันคู่ควรที่พวกทหารระดับสูงหลายๆคนจะจำชื่อของเขาเอาไว้


การต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศคือการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและเจิ้งหยู่ คนที่ชนะจะได้รับฉายาหรือตำแหน่งราชันทหารตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนการแข่งชิงที่ 3 ถูกยกเลิกไปเพราะเถี่ยอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส


เนื่องจากหานเซิ่นไม่ต้องออกแรงมากในการต่อสู้กับเถี่ยอี๋ ทำให้เขาสามารถรับมือเจิ้งหยู่ได้อย่างสบาย


ระดับความแข็งแกร่งของเจิ้งหยู่ไม่ได้แตกต่างจากหานเซิ่นมาก ถ้าหานเซิ่นใช้วิชาทั้งหมดเพิ่มระดับความแข็งแกร่ง แม้เจิ้งหยู่จะเป็นยอดนักสู้ แต่เขาก็ไม่ประมาทเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่นที่พึ่งจะเอาชนะเถี่ยอี๋ไปได้ เจิ้งหยู่ระมัดระวังตัวมาก เขาตั้งท่าป้องกันตัวตั้งแต่เริ่ม เขาต้องการจะดูว่าหานเซิ่นมีวิชาการต่อสู้แบบไหนบ้าง เห็นได้ชัดว่าเขายำเกรงพลังของหานเซิ่นมาก


เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ตั้งท่าป้องกันก็เข้าทางหานเซิ่น ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ใช้วิชาที่เขาเรียนรู้ และกำลังฝึกอยู่หลายๆวิชา


7 สังหาร ดิเวอร์ชั่นและวิชาอื่นๆที่หานเซิ่นงัดออกมาโชว์เรียกเสียงเฮจากทหารที่ดูการต่อสู้อยู่


ในสายตาของพวกทหารระดับสูงหรือพวกยอดฝีมือที่กำลังดูอยู่ เจิ้งหยู่ แพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว


พวกเขาทั้ง 2 คนมีระดับความแข็งแกร่งพอๆกัน เจิ้งหยู่แข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ในด้านของวิชาการต่อสู้ หานเซิ่นเหนือชั้นกว่าอย่างชัดเจน เจิ้งหยู่ได้แต่ป้องกันการโจมตีจากหานเซิ่น เขาแทบไม่มีโอกาสได้โต้ตอบเลย


"ในยุคนี้คนที่เน้นฝึกวิชาการต่อสู้สไตล์โบราณมันน้อยลงทุกวันๆ คนส่วนมากมุ่งเน้นฝึกเฉพาะวิชาที่มีประสิทธิภาพ แต่พวกเขาละเลยวิชาที่ถือว่าเป็นศิลปะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงขึ้นไประดับสูงๆไม่ได้ หานเซิ่นคนนี้มีพรสวรรค์มาก เขาเป็นยอดฝีมือตัวจริง เขาจะต้องมีอนาคตที่สุดใสแน่" ประธานของกาเเล็กซี่เขตตะวันตกเฉียงใต้ยอมรับในตัวหานเซิ่น


เลขายิ้มอย่างขมขื่น ยิ่งเจ้านายชอบหานเซิ่นมากเท่าไหร่ ข้อสรุปของเขาก็ยิ่งดูผิดพลาดมากเท่านั้น


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ฟังคำพูดของเจ้านายแล้ว เขาก็ตระหนักว่าจะมัวมาจมปลักอยู่กับความผิดพลาดไม่ได้ เขาจะต้องเชิดหน้าขึ้น และคอยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากกว่า


ผลมันแทบไม่ต้องสงสัยเลย หานเซิ่นเอาชนะเจิ้งหยู่ และกลายเป็นราชันทหารของตะวันตกเฉียงใต้ เจิ้งหยู่ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่กันคนละระดับ


จริงๆแล้วเจิ้งหยู่รู้สึกกลัวหานเซิ่นตั้งแต่เริ่มสู้ ภาพตอนที่เถี่ยอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสมันติดตาของเขา เจิ้งหยู่ต่อสู้แบบรัดกุมมากจนเกินเหตุ ถ้าเขาสู้แบบเป็นธรรมชาติ เขาก็อาจจะพอต่อสู้กับหานเซิ่นได้สูสีกว่านี้


แม้ฉายาราชันทหารตะวันตกเฉียงใต้จะมีอายุแค่ 1 ปี แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่มีคุณค่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกว่าหานเซิ่นจะได้มันมา เขาต้องเอาชนะทหารเสือของหน่วยพิเศษบลูบลัด


ประธานของกาแล็กซี่ตะวันตกเฉียงใต้เป็นคนมามอบรางวัลให้กับหานเซิ่นด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่เขาได้ก็แค่ฉายา เหรียญตราและก็ใบประกาศ เนื่องจากการประลองของกองทัพจะไม่มีเงินรางวัล ทำให้หานเซิ่นรู้สึกหวังหวังเล็กน้อย


ทหารที่เข้าร่วมการแข่งขันเดินทางกลับหน่วยงานของตัวเอง และพวกเขาก็ไปเล่าให้เพื่อนๆฟังเกี่ยวกับเรื่องที่หานเซิ่นเอาชนะเถี่ยอี๋ได้ ทำให้ชื่อของหานเซิ่นเริ่มเป็นที่รู้จักกันในหมู่ทหารของกาแล็กซี่เขตตะวันตกเฉียงใต้


VIPถึงตอนที่ 1465 เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/

ตอนก่อนหน้า รวมตอน ตอนถัดไป
เวลาลงนิยายคือ 14.00-19.00 ของทุกวันครับ
ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/