ตอนที่ 436 เเค่ผู้หญิงคนหนึ่ง

หานเซิ่นมองดูเศษคริสตัลที่ตกอยู่บนพื้นด้วยความช็อค ในสมัยที่มนุษย์ยังไม่ได้เดินทางออกจากดาวโลก นักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นเชื่อว่าสมองของมนุษย์ถูกใช้ได้เพียงแค่ 10% แต่อย่างไรก็ตามด้วยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทฤษฎีเกี่ยวกับสมองก็ถูกพัฒนาขึ้นใหม่


สมองแต่ละส่วนของมนุษย์มีหน้าที่การทำงานแตกต่างกันไป ดังนั้นมันไม่ทางที่สมองจะได้รับการพัฒนาไปทุกส่วนพร้อมๆกันได้ เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สมองจะต้องวิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น


การที่มนุษย์สามารถวิวัฒนาการได้ด้วยก็อตแซงชัวรี่ ทำให้สมองของมนุษย์เองก็วิวัฒนาการตามไปด้วย ดังนั้นทุกวันนี้มนุษย์ที่วิวัฒนาการไปในระดับสูงๆจะมีสมองที่ดีขึ้นด้วย


แต่กระนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการวิวัฒนาการทางร่างกายแล้ว การวิวัฒนาการของสมองดูเล็กน้อยมาก การที่คริสตัลของพวกคริสตัลไลเซอร์สามารถทำให้สมองพัฒนาได้นั้นเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ อย่างน้อยๆในตอนนี้มนุษย์ก็ยังไม่สามารถผลิตยาหรืออุปกรณ์อะไรที่ทำได้เหมือนกับคริสตัลนี้


แค่เทคโนโลยีอย่างเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกคริสตัลไลเซอร์นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน มันก็น่าแปลกที่เผ่าพันธุ์นี้ต้องสูญพันธ์ไปเหลือเพียงเเค่ประวัติศาสตร์


"มีสิ่งที่มหัศจรรย์แบบนี้อีกมากในเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์ แต่ทว่าโบราณสถานของคริสตัลไลเซอร์ก็เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ดังนั้นพวกเราจึงเอามันออกมาได้ไม่มากนัก ที่สำคัญยังมีวัสดุบางอย่างที่พวกเราก็ยังไม่เข้าใจมันด้วย" จีเหยียนหรันบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับคริสตัลไลเซอร์เพิ่มเติม


"นี่มันน่าจะเป็นข้อมูลลับนี่น่า มันจะไม่เป็นอะไรหรอที่เธอเอามาบอกฉัน?" หานเซิ่นถามจีเหยียนหรัน


"มันก็คือข้อมูลลับจริงๆอย่างที่ว่า แต่ในเมื่อนายเป็นแฟนของฉัน และพออยู่ต่อหน้านาย ฉันไม่ใช่กัปตัน ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้นฉันคงจะโดนลงโทษแน่" จีเหยียนหรันพูด


"อ่าว ไหนตอนแรกเธอบอกว่ามีกล้องสังเกตการณ์ติดอยู่ไง... นี่เธอกล้าหลอกฉันใช่ไหม.." หานเซิ่นเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังถูกจีเหยียนหรันหลอกอยู่ เขาจับจีเหยียนหรันกดลงไปบนโต๊ะทันที


"ฉันไม่ได้หลอกนาย มันมีกล้องสังเกตการณ์ติดอยู่จริงๆ แต่ฉันไปปิดมันไว้ชั่วคราว เพราะฉันรู้ว่ายังไงนายจะต้องคิดทำอะไรเกินเลยแน่..." จีเหยียนหรันรีบพูด


"อ่องั้นหรอ" หานเซิ่นดึงกางเกงกัปตันสีขาวๆของเธอลงมาทันที


"ไม่...."


เมื่อหานเซิ่นออกมาจากห้องกัปตัน เขารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมาก แค่คิดถึงชุดกัปตันสีขาวกับผิวเนียนๆของจีเหยียนหรันก็ทำให้หานเซิ่นอยากจะกลับเข้าไปที่ห้องกัปตันอีกครั้ง และอยู่ในนั้นไปตลอด


แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ จีเหยียนหรันบอกหานเซิ่นเกี่ยวกับข้อมูลของยานแดฟเน่แล้ว ถึงจีเหยียนหรันจะเป็นกัปตัน แต่เธอก็ยังอายุน้อยมาก และยังไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลของเธอหนุนหลัง เธอจะไม่มีทางขึ้นมาถึงตำแหน่งกับตัน เพราะยังไงเธอก็แค่พวกผู้วิวัฒนาการหน้าใหม่


ที่สำคัญ แดฟเน่คือยานรบพิเศษ มีผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจพอๆกับจีเหยียนหรันอยู่หลายคน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาดบนยานลำนี้ เนื่องจากภารกิจครั้งนี้คือการสำรวจซากโบราณสถาน


พวกนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญมีสถานะทางสังคมสูงเกือบทุกคน ดังนั้นพวกเขามักจะสั่งนู้นสั่งนี่อยู่เสมอ มีอะไรหลายอย่างที่จีเหยีนหรันไม่สามารถตัดสินใจเองได้


ดังนั้นความหวังของหานเซิ่นที่จะได้นอนกับแฟน และตื่นมาเห็นแฟนในอ้อมแขนของเขาทุกๆวันจึงเป็นไปไม่ได้


ที่สำคัญถ้าคนอื่นๆรู้ว่าหานเซิ่นเป็นคนรักของจีเหยียนหรัน พวกเขาก็จะรู้ว่าเธอใช้เส้นสายเพื่อพาแฟนมาทำงานบนยานด้วย ซึ่งมันจะทำให้คนอื่นมองจีเหยียนหรันในทางเสียๆหายๆ เธออาจจะไม่ได้เป็นกัปตันอีกต่อไปเลยก็ได้


หานเซิ่นรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆกว่าจีเหยียนหรันจะพาเขามาอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อน ตอนนี้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจะต้องถูกปิดเป็นความลับไว้ก่อน และเขาก็ต้องทำหน้าที่ทหารในห้องครัวต่อไป


แต่อย่างน้อยๆยังไงพวกเขาก็อยู่บนยานลำเดียวกัน ในช่วงว่างๆพวกเขาก็สามารถนัดมาเจอกันโดยไม่ให้คนอื่นรู้ได้


ในตอนนี้หานเซิ่นกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และเดินฮัมเพลงไปตลอดทาง


ปัง!


หานเซิ่นกำลังนึกถึงเรื่องโรแมนติกระหว่างเขากับจีเหยียนหรันอยู่ เนื่องจากอยู่บนยานรบ ทำให้เขาไม่ได้ระวังตัวอะไรมาก ขณะที่เขากำลังเดินเลี้ยงตรงหัวมุม เขาก็ชนกับคนคนหนึ่งเข้า


หานเซิ่นเพิ่งจะเสร็จกิจกรรมใช้แรงมา ดังนั้นขาของเขายังอ่อนปวกเปียก บวกกับเขากำลังใจลอย ทำให้เขาหลบไม่ทัน เขาโซเซถอยหลังมา โชคดีที่หานเซิ่นยังไวพอที่จะทรงตังเอาไว้ได้ ทำให้เขาไม่ล้มลงไป


"นายมาจากหน่วยไหน? ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้ และแถมยังฮัมเพลงอีก?" ชายในชุดเครื่องแบบ อายุน่าจะไม่ถึง 30 ปี ถ้าดูจากเครื่องหมายบนเสื้อของเขา เขาน่าจะยศพันเอก


หัวหน้าห้องครัวก็ยศพันเอกเช่นเดียวกัน ชายคนนี้ก็น่าจะเป็นหัวหน้าหน่วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากหานเซิ่นไม่ได้เป็นทหารภายใต้การดูแลของเขา หานเซิ่นจึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไร เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองชายคนนั้น หานเซิ่นเดินต่อไปราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่


'นายโชคดีที่ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี ครั้งนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน' หานเซิ่นเดินต่อไปอย่างมีความสุข


"หูหนวกรึไง? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ? นายอยู่หน่วยไหน?" ชายคนนั้นเริ่มหัวร้อน เขาจับแขนของหานเซิ่นเอาไว้


"แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?" หานเซิ่นขมวดคิ้วและพูด


ถึงหานเซิ่นจะไม่ได้ระวังตัว แต่เขาก็ไม่ได้เดินเร็ว ไม่มีทางที่เขาจะไปชนกับใครได้ เหตุผลที่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เพราะชายคนนั้นตั้งใจมาชนหานเซิ่นเอง


ไม่อย่างนั้นด้วยปฏิกิริยาตอบสนองของหานเซิ่น เขาไม่มีทางชนกับคนอื่นแรงๆแบบนี้ ชายคนนั้นคงจะไม่ชอบที่เขาเดินฮึมเพลงชิวๆเลยแกล้งมาชน


"นายดูไม่เหมือนทหารด้วยซ้ำ" ชายคนนั้นพูดอย่างดูถูก


"แม้จะเป็นทหารในครัว แต่ก็เป็นทหาร เขาทำงานให้ฉัน ไม่ใช่หน่วยวอเฟรมของคุณ พันเอกหวัง โปรดใส่ใจแค่งานของคุณก็พอ" หัวหน้าห้องครัวปรากฏตัวออกมา และพูดกับชายคนนั้น


"พันเอกหลัว แม้มันจะเป็นแบบนั้น แต่การที่คนของคุณมาเดินชนคนอื่นแล้วยังเดินฮัมเพลงบนยาน เรื่องนี้จะว่ายังไง?" หวังโฮ่วจ้องมองหัวหน้าห้องครัวด้วยสายตาทิ่มแทง


"แล้วไง นั่นมันเป็นงานอดิเรกของพวกเรา มีปัญหาอะไรรึเปล่า?"
คำตอบของหัวหน้าห้องครัวทำให้หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจ หวังโฮ่วโกรธจนหน้าแดง แต่เขาไม่พูดอะไร


"ทำไมนายยังอยู่ที่นี่อีก?" หัวหน้าห้องครัวหันมาพูดกับหานเซิ่น จากนั้นเขาก็พาหานเซิ่นเดินไป


หวังโฮ่วโกรธจัด เมื่อหัวหน้าห้องครัวและหานเซิ่นเดินไปไกลแล้ว เขาก็พึมพำออกมา "ทำไมจีเหยีนหรันถึงได้ให้ทหารในห้องครัวอยู่ในห้องทำงานของเธอนานนัก? ถ้าไม่ใช้เพราะไอ้หมูตอนนั่นโผล่มา ฉันคงจะได้ข้อมูลอะไรบ้างแท้ๆ"


VIPถึงตอนที่ 1315  เเล้วครับสนใจสมัครได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/
ตอนก่อนหน้า รวมตอน ตอนถัดไป
เวลาลงนิยายคือ 14.00-19.00 ของทุกวันครับ
ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/SuperGodGene/