ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ตอนที่ 372 หนิงเยวี่ย
หวงฟูผิงชิงไม่รู้ว่าหานเซิ่นบ้าไปแล้วรึเปล่า ถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น แม้ชายคนนั้นพึ่งจะวิวัฒนาการได้ 1-2 ปี และยังมีจีโนพ้อยน้อย ถ้าเทียบกับคนอื่นๆในหมู่ผู้วิวัฒนาการ แต่ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ราวๆ 40 ซึ่งยังไงก็เหนือกว่าผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการมากนัก
การโจมตีจากผู้ที่ยังวิวัฒนาการโดยปรกติแทบจะไม่มีผลกับผู้วิวัฒนาการแล้วเลย ยิ่งกว่านั้นชายคนนั้นยังเป็นคนที่ฝึกวิชากายเหล็ก ซึ่งเขาสามารถเปลี่ยนโครงสร้างเซลล์ในร่างกายได้ ผู้ใช้จะมีพลังป้องกันที่สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่อาวุธก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เมื่อเผชิญหน้ากับชายคนนี้ หานเซิ่นไม่มีโอกาสเอาชนะได้
แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ยื่นกรานว่าจะไปให้ได้ ในสายตาของหวงฟูผิงชิง หานเซิ่นนั้นเสียสติไปแล้ว
"ทำไม? โปรดบอกเหตุผลฉันมาหน่อย" หวงฟูผิงชิงไม่อยากให้เขาไป แต่หมดหวังที่จะห้ามได้
"เพราะผมสามารถเอาชนะเขาได้" หานเซิ่นตอบอย่างสงบ
ชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก ซึ่งอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับเต่าขั้นสุดยอดเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าเขาขาดความเร็ว ชายคนนั้นเคลื่อนไหวเชื่องช้ามากสำหรับหานเซิ่น
ที่สำคัญหานเซิ่นไม่ใช่คนเดิมที่เคยแพ้เต่าหมดรูปอีกแล้ว ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้น และยังได้อาวุธวิญญาณอสูรขั้นสุดยอดมาไว้ในมือแล้ว จากที่เขาเห็นในวิดีโอ หานเซิ่นมั่นใจมากว่าเอาชนะได้แน่
จริงๆแล้วถ้าหานเซิ่นใช้มีดเล่มใหม่ก็จะเป็นฝันร้ายของชายคนนั้นเลยก็ว่าได้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ขาดความเร็ว ซึ่งจะแพ้ทางคนที่รวดเร็วอย่างหานเซิ่น
ที่สำคัญระดับความแข็งแกร่งของชายคนนั้นก็ไม่ได้สูงเวอร์จนหานเซิ่นเทียบไม่ได้เลย ถ้าเขาได้เจอกับคู่ต่อสู้แบบชายคนนั้น เขาก็พร้อมจะสู้อย่างไม่ลังเล
หวงฟูผิงชิงจ้องหานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน
"นายคิดว่าสามารถเอาชนะเขาได้งั้นหรอ?"
"ใช่" หานเซิ่นตอบอย่างมั่นใจ
"นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้เมาหรือไปโดนอะไรมา" หวงฟูผิงชิงอยากจะผ่าหัวหานเซิ่นออกมาดูว่าสมองของเขาเป็นยังไง ถึงได้คิดบ้าๆแบบนี้
ในสายตาของเธอ ผู้ยังไม่วิวัฒนาการที่อ้างว่าเอาชนะผู้วิวัฒนาการได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าขำมาก เหมือนกับมดที่อ้างว่าล้มช้างได้
"ผมไม่ได้ป่วย ไม่ได้เพี้ยนและก็ไม่ได้เมาด้วย สติของผมยังดีอยู่"
หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง "พี่สาว ถ้าคุณรับประกันได้ว่าคู่ต่อสู้ของผมคือคนคนนั้น ผมก็มั่นใจ 100% ว่าผมชนะแน่ ผมอยากจะรู้ว่าคุณมั่นใจว่าเป็นเขาแน่ใช่ไหม?"
หวงฟูผิงชิงมองหน้าหานเซิ่น เธอเงียบไป เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงในความคิดของเธอ ถ้าเธอยอมให้เขาไปสู้เท่ากับให้เขาไปตาย ซึ่งเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่ทว่าหานเซิ่นเหมือนไม่ได้ล้อเล่น เขาดูมั่นใจมาก
"นายเอาจริงใช่ไหม?" หวงฟูผิงชิงถามให้แน่ใจอีกครั้ง
"ผมเอาจริง ไม่มีใครเอาชีวิตตัวเองไปล้อเล่นหรอก" หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง
หวงฟูผิงชิงพูด "ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆนายถึงได้บ้าขึ้นมา นายเข้าใจใช่ไหมว่านายอาจจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น? เมื่อนายเข้าไปแล้ว นายจะหันกลับไม่ได้อีกแล้ว ถ้านายแพ้ ความตายจะเป็นทางเลือกเดียว"
"ถ้าผมชนะ ผมจะรอดใช่ไหม?" หานเซิ่นถาม
หวงฟูผิงชิงถอนหายใจและพูด "คนที่มีสิทธิขาดในพื้นที่ VIP คือหนิงเยวี่ย บางทีนายอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของเขา แต่นายน่าจะรู้จักน้องของเขาดี น้องของเขาก็คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เซินเทียนจื่อ"
"พี่ของเซินเทียนจื่องั้นหรอ?" หานเซิ่นรู้สึกลังเล
"จริงๆแล้วหนิงเยวี่ยคือพี่น้องฝาแฝดของเซินเทียนจื่อ และหนิงเยวี่ยก็ไม่ใช่ชื่อเดิมของเขา ในตอนที่พวกเขาทั้ง 2 คนเกิดมา หนิงเยวี่ยมีน้ำหนัก 8 ปอนด์ และสุขภาพดี แต่เซินเทียนจื่อกับเกิดมาอ่อนแอ มีน้ำหนักน้อยกว่า 5 ปอนด์ เหมือนกำลังจะตาย ปู่ของพวกเขาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องโชคชะตา เขาจึงได้จ้างหมอดูชื่อดังมา หมอดูบอกว่าโชคชะตาของหนิงเยวี่ยเป็นอุปสรรคต่อน้องชาย แล้วหมอดูได้เปลี่ยนชื่อของเขาเป็น เยวี่ย ซึ่งเป็นชื่อที่จะช่วยส่งเสริมดวงชะตาน้องชาย"
"นอกจากปู่ของพวกเขาแล้ว ไม่มีใครในครอบครัวที่เชื่อว่าการเปลี่ยนชื่อจะสามารถเปลี่ยนอะไรได้ แต่ทว่าหลังจากนั้นเซินเทียนจื่อก็สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ครอบครัวมีความสุขกันมาก หลังจากที่พี่ของเขาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเยวี่ย สุขภาพของพวกเขาก็เหมือนสลับกัน เนื่องจากสุขภาพของหนิงเยวี่ยนั้นอ่อนแอลง จนกระทั่งตอนนี้ร่างกายของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น"
"หลังจากปู่ของเขาตายไป แม่ของพวกเขาก็ได้จ้างหมอดูอีกคนมารักษาหนิงเยวี่ย แต่ทว่าหมอดูก็ส่ายหน้า และก็ทิ้งคำพูดไว้ 1 ประโยค" หวงฟูผิงชิงเงียบไป
"ประโยคนั้นคืออะไร?" หานเซิ่นสงสัยมาก
"เยวี่ย หมายถึงพระจันทร์ ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่เหมาะกับผู้ชาย เนื่องจากหนิงเยวี่ยเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับดวงชะตาที่แข็งแกร่ง ชื่อนั้นถือเป็นผลร้ายกับเขา"
หวงฟูผิงชิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูด "หมอดูมองที่เซินเทียนจื่อและก็หยุดเงียบไป ทุกคนเข้าใจความหมายของเขา ถ้าหนิงเยวี่ยเปลี่ยนชื่อ เซินเทียนจื่อก็จะได้รับอันตราย"
"งั้นหนิงเยวี่ยก็ยอมใช้ชื่อที่ทำร้ายตัวเองงั้นหรอ?" หานเซิ่นถาม
หวงฟูผิงชิงส่ายหน้าและพูด "แม่ของพวกเขาต้องการจะเปลี่ยนชื่อของหนิงเยวี่ย แต่หนิงเยวี่ยไม่ยอม เขาบอกว่าชื่อนี้ปู่เป็นคนมอบให้ เนื่องจากปู่ของเขาจากไปแล้ว เขาก็ต้องทำตามความปรารถนาของปู่ ยิ่งกว่านั้นชื่อนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อน้องชายของเขา ถ้าเขาเปลี่ยนมัน น้องชายก็จะมีอันตราย ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นพี่ที่เห็นแก่ตัว เขายอมทรมานดีกว่าจะเป็นหลานที่แย่ และเป็นพี่ที่ไม่ดี ในตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา หนิงเยวี่ยมีอายุเพียงแค่ 8 ปี"
"เป็นคนที่ดีอะไรแบบนี้!" หานเซิ่นครุ่นคิดและพูด
"หนิงเยวี่ยเป็นคนที่เคร่งขัดในเรื่องกฎ ถ้านายชนะ เขาไม่มีทางให้นายตายแน่นอน แต่นายจะชนะได้จริงๆใช่ไหม?" หวงฟูผิงชิงเปลี่ยนประเด็นกลับมา เธอไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะชนะได้
"เท่าที่คุณรู้จักผมมา คุณคิดว่าผมเป็นคนที่จะทำอะไรโดยไม่มีความมั่นใจอย่างงั้นหรอ?" หานเซิ่นถามอย่างสงบ
หวงฟูผิงชิงหยุดชะงักไป จากที่เธอรู้จักหานเซิ่นมา หานเซิ่นไม่ใช่คนที่ชอบเอาชีวิตไปเสี่ยง เขาไม่ใช่คนโง่ แต่กระนั้นมันก็ยากสำหรับเธอที่จะเชื่อว่าหานเซิ่นจะเอาชนะผู้วิวัฒนาการแล้วได้ ยังไงช่องว่างระหว่างผู้ยังไม่วิวัฒนาการกับผู้วิวัฒนาการก็กว้างมาก
"พี่สาว โปรดช่วยจัดการให้ชายคนนั้นเป็นคู่ต่อสู้ของผมด้วย" หานเซิ่นพูด
"ก็ได้" หวงฟูผิงชิงจำต้องเห็นด้วย เธอถอนหายใจและพูด "ฉันหวังว่าหนิงเยวี่ยจะไม่อยู่ที่นั่นด้วย พูดตามตรงถึงหนิงเยวี่ยจะเป็นคนที่สุภาพมาก แต่ฉันก็รู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้เขา ถ้าเป็นไปได้ ฉันยอมอยู่ใกล้เซินเทียนจื่อที่เป็นคนหยิ่งทะนงและอารมณ์ร้ายดีกว่า"
***เซินเทียนจื่อเป็นชื่อที่ตัวเขาตั้งขึ้นมาไว้ใช้ตอนอยู่ในก็อตเเซงชัวรี่ บอกไว้ก่อนเผื่อบางคนอาจจะงงว่าเซินเทียนจื่อทำไมไม่เเซ่ หนิง ส่วนชื่อจริงผู้เขียนยังไม่เอ่ยถึง ***